ประเด็นร้อน
'อนุพงษ์'หนุนสอบเรือเหาะกองทัพเล็งขายซาก 66 ล้าน
โดย ACT โพสเมื่อ Sep 25,2017
- - สำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ - -
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แถลงถึงกรณีการปลดประจำการเรือเหาะตรวจการณ์ว่า ยังไม่ได้รับฟังสิ่งที่พล.อ.เฉลิมชัยได้แถลงไป แต่อย่างไรก็ตามอยากให้มีโอกาสได้ชี้แจง และให้มีการตรวจสอบดีกว่าให้คนไปพูดหรือวิจารณ์กันโดยไม่เกิดประโยชน์ ถ้าไม่ดีอย่างไรก็ให้ตรวจสอบมา เพราะเท่าที่ทราบเรื่องการตรวจสอบการทุจริต คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เคยตรวจสอบแล้ว แต่วันนี้ได้มีการยื่นเรื่องเข้าไปใหม่กรณีว่ามีความคุ้มค่าหรือไม่
"ขอให้ไปตรวจสอบ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะสังคมจะได้รู้ว่ากลไกของประเทศเราว่ามีหรือดำเนินการอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นโครงการอะไรก็ขอให้มีการตรวจสอบ" ส่วนกรณีมีประชาชนร้องเรียนการทุจริตโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ ร่มพระบารมีเพื่อพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืนว่า เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ยึดความโปร่งใส หากพบว่า มีใครที่ไม่ทำตามกฎหมายก็ต้องดำเนินการ
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเริ่มดำเนินการ ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ท้องที่ และนายอำเภอ ก็ต้องดำเนินการไปตามนโยบายของรัฐบาลหากพบการทุจริต ไม่โปร่งใส ในขั้นตอนใดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ ผู้ว่าราชการจังหวัด ก็ต้องมีการตรวจสอบ เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริต จากการตรวจสอบ จนถึงขณะนี้ยืนยันว่า ยังไม่พบ การทุจริตในพื้นที่ใด
แหล่งข่าวกองทัพบกระบุถึง ข้อสงสัยทุจริตการจัดซื้อเรือเหาะว่าเป็นการจัดซื้อเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการทางยุทธวิธีของเจ้าหน้าที่ที่ชายแดนใต้ โดยเป็นการจัดซื้อตามขั้นตอนปกติ มีคณะกรรมการพิจารณา แม้ภายหลังมีการร้องเรียนว่าไม่มีการสอบราคา ก่อนจัดซื้อ แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ได้เข้ามาตรวจสอบแล้ว และไม่พบ สิ่งผิดปกติ
นอกจากนี้แนวคิดในการนำเรือเหาะมาใช้งานถือเกิดประโยชน์ แต่เนื่องจากเป็นยุทโธปกรณ์ใหม่ที่ไม่เคยมีการใช้งาน มาก่อนในภูมิภาคนี้ ทำให้มีปัญหาขลุกขลักบ้าง ยอมรับว่าที่ผ่านมามีการใช้งาน น้อย บางปีใช้งานเพียงประมาณ 30 ครั้ง โดยมีการตรวจสอบปัญหา และตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาความคุ้มค่าในการใช้งานหรือการส่งซ่อม
อย่างไรก็ดีคณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นตรงกันว่าการชำรุดของผืนผ้าใบเป็นไปตามกำหนดระยะเวลาอายุการใช้งาน ซึ่งไม่คุ้มค่าสำหรับการที่จะส่งซ่อม จึงเห็นว่าควรจะต้องหยุดใช้งานและจำหน่ายจะคุ้มค่ากว่า ซึ่งในกรณีนี้ ผู้บัญชาการทหารบกเคยแถลงไปแล้วว่า โดยรวมแล้วการจัดซื้อเรือเหาะถือว่ามีความคุ้มค่าในการใช้งาน เนื่องจากทำให้สถิติการปฏิบัติการของฝ่ายตรงข้าม ลดลง
ดังนั้นกรณีที่มีการยื่นเรื่องให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ ทางกองทัพก็พร้อมจะชี้แจงโดยจะสรุปตัวเลขสถิติการใช้ที่ชัดเจนส่งให้ สตง. ทั้งนี้แหล่งข่าวระบุด้วยว่ามีการตั้งราคาขายเรือเหาะเอาไว้ตามสภาพและอายุการใช้งานที่ 66 ล้านบาท จากราคาในการจัดซื้อ 350 ล้านบาท มีเวลาใช้งานมาแล้ว 8 ปี
#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน